พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลคุณากร ครูยิ่งคุณ
และครูขวัญศิษย์ ปี 2566 โดยมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ คุรุสภา กระทรวงมหาดไทย
และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ดำเนินการคัดเลือกครูภายในประเทศไทย ที่เป็นผู้เปลี่ยนแปลงชีวิตศิษย์
และมีคุณูปการต่อการศึกษา ซึ่งผู้ได้รับรางวัลในครั้งนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 165 ท่าน ประกอบด้วย  รางวัลคุณากร จำนวน 2 ท่าน
รางวัลครูยิ่งคุณ 17 ท่าน และ รางวัลครูขวัญศิษย์ จำนวน 146 ท่าน เมื่อวันพุธที่ 18 ตุลาคม 2566 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์
และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า จากที่ได้เห็นประวัติการทำงานของครู ทำให้ประทับใจในความทุ่มเท เสียสละของครูที่มองเห็นศักยภาพของเด็กและเยาวชน แม้ว่าปัจจุบันนี้ การแสวงหาความรู้ความสามารถหาได้จากแหล่งต่างๆ ไม่เฉพาะ
จากครูและในห้องเรียน แต่ครูยังมีบทบาทสำคัญในการอบรมสั่งสอนกล่อมเกลาให้เด็กและเยาวชน ได้มีความรู้ความสามารถ
เป็นคนดีของสังคม ด้วยความทุ่มเทแรงกายและแรงใจที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความเสียสละ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
ของโลก ครูจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ทั้งองค์ความรู้และเทคโนโลยี และการสอนมิใช่เพียงเนื้อหาความรู้ แต่ต้องสามารถพัฒนาให้เด็กและเยาวชนมีกระบวนการคิดที่มีวิจารณญาณ เลือกรับและเรียนรู้สิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิต และขอย้ำถึงความสำคัญของการเรียนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง สามารถเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา เน้นการเรียนดีมีความสุข ซึ่งจำเป็นต้องเริ่มจากความสุขของผู้เรียน ผู้สอน ไปจนถึงผู้ปกครอง เมื่อมีความสุขก็จะส่งผลให้การเรียนดีขึ้น ซึ่งการจัดการศึกษา
มีทั้งการเรียนเพื่อความเป็นเลิศ และการเรียนเพื่อความมั่นคงในชีวิต ซึ่งการศึกษาจะต้องไปข้างหน้า เพราะเราเป็นสังคม
แห่งการเรียนรู้

          ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี กล่าวว่า มูลนิธิรางวัลสมเด็จ
เจ้าฟ้ามหาจักรี เชื่อมั่นในพลังของครู เพราะครูคุณภาพ สร้างคนคุณภาพ  กระบวนการคัดเลือกครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีของประเทศไทย
จึงมาจากการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันสรรหาครูผู้มีคุณสมบัติ เป็นครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงชีวิตศิษย์ และมีคุณูปการต่อวงการศึกษา ประเทศไทยจึงได้จัดทำรางวัลเพื่อยกย่อง
ครูเพิ่มเติมได้แก่ รางวัลคุณากร 2 รางวัล รางวัลครูยิ่งคุณ 17 รางวัล
และรางวัลครูขวัญศิษย์ 146 รางวัล เพื่อเชิดชูครูของแต่ละจังหวัด
ในการขยายผลการทำงานของเครือข่ายครูสิ่งสำคัญคือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของเครือข่ายครูทั้ง 11 ประเทศ พัฒนาทักษะวิชาชีพที่ส่งผลต่อนักเรียนและเพื่อนร่วมวิชาชีพครู การสนับสนุนจากภาคธุรกิจเพื่อเปิดพื้นที่ให้ครูได้เรียนรู้โลกธุรกิจและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี รวมทั้งโครงการ
ส่งเสริมและพัฒนาการสะกด พูด อ่าน เขียนภาษาไทย (MOVE) เพื่อเด็กในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งให้ความสำคัญแก่นักเรียนที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ คิดเลขไม่ได้ และร่วมกับ กสศ.
ในการต่อยอดความเชี่ยวชาญของครูรางวัลฯ เพื่อแบ่งปันทักษะ
การทำงานให้ครูและเด็กเยาวชนได้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษา
โดยสร้างเครือข่ายและกลไกการทำงานอย่างเป็นระบบ

          สำหรับบทบาทการทำงานของครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ประเทศไทย นายนิวัฒน์ เงินงามมีสุข ครูอาสาสมัคร
ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” (ศศช.) สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
กล่าวว่า เพราะเชื่อว่าการให้ความรู้จะติดตัวไปตลอดจนหมดลมหายใจ จึงมุ่งมั่นที่จะศึกษาหาความรู้ด้านการเกษตรเพื่อมาพัฒนาท้องถิ่นตนเอง และสมัครสอบเป็นครูอาสาสมัครศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา
“แม่ฟ้าหลวง” โดยจัดการศึกษาให้กับประชาชนทุกกลุ่มวัย ใน 3 กิจกรรม คือ
1. การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน เน้นการรู้หนังสือไทย
2. การศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ คุณภาพชีวิต สังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม และทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิต
3.การจัดการศึกษาตามอัธยาศัย ตามความสนใจของผู้เรียน เน้นการนำสถานการณ์ สภาพบริบทชุมชน และปัญหาชุมชนมาออกแบบบูรณาการเข้ากับหลักสูตร

“ผมใช้กระบวนการเรียนรู้ผ่านการทำเวทีประชาคมหมู่บ้านทำความเข้าใจร่วมกัน เกิดกฎของเวทีประชาคมหมู่บ้านจากการแก้ไขปัญหากันเอง ทำให้เกิดการเรียนรู้และความเข้มแข็ง
ของชุมชนในที่สุด วิธีการเหล่านี้ทำให้ชุมชนสามารถแก้ปัญหาการปลูกฝิ่น ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ตัดไม้ทำลายป่า
เปลี่ยนเป็นการส่งเสริมการปลูกกาแฟครบวงจร เกิดกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกาแฟมอโก้คี และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ในโครงการสร้างป่าสร้างรายได้ ดังนั้นบทบาทของศูนย์การเรียนรู้จึงควรส่งเสริมการเรียนรู้ทุกกลุ่มวัย ทำให้คน
ในชุมชนมีความรู้ความเข้าใจซึ่งจะเป็นการสร้างคนที่ยั่งยืน”
ครูนิวัฒน์ กล่าว


นายสมเกียรติ แซ่เต็ง ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเขาน้อยวิทยาคม จ.ตราด
 ครูคณิตศาสตร์ในระดับชั้นมัธยมปลาย กล่าวถึงการจัดการเรียนรู้
จากคณิตศาสตร์ในห้องเรียนสู่วิชาผู้ประกอบการยุคใหม่ในชีวิตจริงว่า การสอนวิชาคณิตศาสตร์ด้วยกระบวนการจำลองสถานการณ์จริง เช่น วิชาการเป็นผู้ประกอบการ วิชาคณิตศาสตร์เพื่อการลงทุน เช่น “Cafe@เขาน้อย” ฝึกประสบการณ์
ผ่านการทำธุรกิจร้านกาแฟ กิจกรรมบริษัทจำลอง กิจกรรมการเป็นผู้ประกอบการ กิจกรรมตลาดนัดพัฒนาชีวิต โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนร่วมกันวางแผน ออกแบบแก้ไขสถานการณ์ บริหารและจัดการ ซึ่งครูจะรับฟังความเห็นของนักเรียนอย่างเสมอภาคและให้คำปรึกษาเพื่อการพัฒนางาน นอกจากนี้ครูควรทำหน้าที่แนะแนวทางให้ลูกศิษย์เพื่อค้นหาพัฒนาตัวตนตามศักยภาพบนความแตกต่างของแต่ละคน เพราะนักเรียนมีความแตกต่างกัน จึงต้องค้นหาอัตลักษณ์ของนักเรียนแต่ละคนเพื่อให้นักเรียนออกแบบการพัฒนาตนเองและวางแผนการใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ

          นายอุดร สายสิงห์ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านโกตาบารู
ครูกลุ่มสาระวิชา สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และฝ่ายปกครอง
ของโรงเรียน
กล่าวว่า ในการจัดการเรียนรู้ ตนให้น้ำหนักที่การปลูกฝังพฤติกรรมด้านคุณธรรม ทักษะชีวิตที่หลากหลาย สร้างพลเมืองที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี
และหลักปรัชญาในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยใช้ห้องเรียนที่กว้างใหญ่จากสิ่งต่างๆ รอบตัวในการจัดการเรียนรู้ ส่งเสริมประสบการณ์ เสริมสร้างอาชีพ และคิดค้น
จุดเน้นนักเรียนในระดับ ม.ต้นคือ การเรียน การงาน การเงิน และการสร้างวินัย
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญในการต่อยอดเส้นทางการศึกษาที่สูงขึ้น