คุรุสภามุ่งส่งเสริมครูดี มีมาตรฐาน มีคุณภาพ ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ

จากกรณีนักเรียน จำนวน 13 ราย ถูกรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งครูและผู้ปกครอง ได้นำนักเรียนไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ล่าสุดถูกหน่วยงานต้นสังกัดสั่งย้ายให้มาปฏิบัติหน้าที่ ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแล้วนั้น

ผศ.ดร.พลรพี ทุมมาพันธ์ รองเลขาธิการคุรุสภาและโฆษกสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา ได้สั่งการให้สำนักจรรยาบรรณวิชาชีพและนิติการตรวจสอบข้อมูลใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาของ รักษาการ ผอ.รร.ที่ตกเป็นข่าวดังกล่าว พบว่าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 6 เม.ย. 2568 และได้รับเรื่องดังกล่าวเข้ากระบวนการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพตามข้อบังคับคุรุสภาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาจะประสานข้อมูลกับหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานประกอบการชี้มูลความผิด และเสนอต่อคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพในการประชุมเดือนมีนาคม 2568 ทั้งนี้ หากหน่วยงานต้นสังกัดมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงและพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน จะเสนอต่อคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพเพื่อพิจารณาพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูไว้ก่อน โดยไม่ต้องรอผลสอบสวน เพื่อคุ้มครองผู้เรียนซึ่งเป็นผู้รับบริการจากผู้ประกอบวิชาชีพครู

ผศ.ดร.พลรพี กล่าวต่อไปว่า หากผู้ที่ถูกกล่าวหาประพฤติผิดก็จะต้องถูกดำเนินการตามข้อเท็จจริง และจะพิจารณาอย่างถูกต้อง รวดเร็ว ซึ่งการกระทำที่ปรากฏเป็นข่าวดังกล่าวนั้น เป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง และมีโทษถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

“การที่ครูล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กนักเรียน ถือว่าเป็นประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างร้ายแรงในด้านจรรยาบรรณต่อตนเอง และต่อผู้รับบริการ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำ คุรุสภาจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและสรุปผลโดยเร็วที่สุด ส่วนผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน และหากผิดจริงผู้กระทำผิดก็จะต้องได้รับโทษสถานหนักถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพอย่างแน่นอน” ผศ.ดร.พลรพี ทุมมาพันธ์ กล่าว.